ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

"มีความสุขให้ได้ ภายใต้เงือนไขที่มี" พี่อ้อย

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับความจริงคือ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรนั่นคือเราเป็นคนตัดสินเอง เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้ เจี๊ยบบอกตัวเองแบบนี้หล่ะ

"มีความสุขให้ได้ ภายใต้เงือนไขที่มี" พี่อ้อย Napa Julamonchoke

ถ้าจะเป็นคนอ้วน เราก็ต้องเป็นคนอ้วนที่มีความสุข ก็เราเลือกเองนิที่จะอ้วน แต่สำหรับเจี๊ยบ เจี๊ยบไม่อยากเป็นคนอ้วนไปตลอดชีวิต เจี๊ยบเลยต้องหาวิธีทำให้เจี๊ยบกลับมาผอมให้ได้ และก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ เจี๊ยบก็แค่ลองดู ผอมได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตอนอ้วน ๆ ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอก เพียงแต่เจี๊ยบไม่อยากเป็นคนอ้วนไปตลอดชีวิตเท่านั่นเอง ^^

ถ้าจะเป็นคนผอมก็ต้องเป็นคนผอมอย่างมีความสุข ก็เราเลือกเองที่จะผอม แต่สำหรับเจี๊ยบ เจี๊ยบไม่ได้อยากผอมแบบโทรม ๆ ผอมแล้วกลัวเลยไม่กล้ากินอะไรเลย นั่นไม่ใช่เจี๊ยบแล้วหล่ะ ถ้าเจี๊ยบจะผอมก็ขอผอมแบบมีความสุขดีกว่า ถ้าผอมโดยการอดอาหาร แล้วมีความสุขก็เอาเลย เพราะความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้ามีความสุขกับการที่ผอมจนเหมือนกระดูกเดิมได้ ก็ไม่แปลกอะไรหรอก เพราะหุ่นนางแบบก็มักจะเป็นแบบนั้น เพียงแต่เจี๊ยบไม่ใช่นางแบบ เจี๊ยบเลยไม่ขอเลือกที่จะผอมด้วยวิธีนี้ดีกว่า

สิ่งที่เจี๊ยบเลือกคือเจี๊ยบอยากผอมแบบสุขภาพดีและมีความสุขในแบบของเจี๊ยบ ไม่ต้องผอมจนเหมือนกระดูกเดินได้ ขอแค่ผอมแบบมีน้ำมีนวล ผอมแบบหน้าท้องแบน ๆ มีกล้ามเนื้อหน่อย ๆ เจี๊ยบก็จะพยายามต่อไป และก็มีความสุขที่ได้ออกกำลังกาย ได้วิ่ง ได้เรียนรู้พัฒนาการของเจี๊ยบเอง ตอนนี้ยังวิ่งไม่เก่ง แต่เจี๊ยบไม่รีบหรอก เจี๊ยบโชคดีได้เจอครูดิน Sathavorn Din ครูสอนและถ่ายทอดทุกอย่างด้วยใจจริง ๆ นะ เจี๊ยบอยากวิ่งไปได้นาน ๆ ถึงแม้เมื่อก่อนเจี๊ยบกับการวิ่งจะเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนรักกันแล้ว เจี๊ยบรักการวิ่ง เพราะการวิ่งทำให้เจี๊ยบค้นพบชีวิตใหม่ ให้เจี๊ยบสัมผัสกับใจเจี๊ยบได้  ถ้าใจเจี๊ยบยังอยากวิ่ง เจี๊ยบจะไม่หยุดวิ่งแน่ ๆ ^__^


ถ้าใครอ่านโพสนี้มาถึงตรงนี้ เจี๊ยบแค่อยากจะบอกว่า เมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำอะไร หรือสนใจที่จะทำอะไรแล้ว ลองทำดูเถอะ ทำแบบไม่ต้องคาดหวังว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ก็แค่อยากทำ แล้วความสุขจะมาหาเราเองหล่ะ

"เพราะความสุขไม่ได้อยู่ที่คิดว่าจะทำ แต่ความสุขอยู่ที่เราได้ทำแล้วตามสิ่งที่เราคิดตังหาก"

ว่าแต่เจี๊ยบจะบ่นอะไรซะยาวเลย เนีย แฮะ ๆ มีความสุขนะคะทุกคน ^^


30-01-58

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 3 (วันแข่งจริง 18-01-58)

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 3 (วันแข่งจริง 18-01-58)











ในคืนก่อนวันแข่ง ฉันเข้านอนตั้งแต่ 3 ทุ่ม มาสะดุ้งตื่นอีกที่เกือบเที่ยงคืน แล้วก็นอนกลิ่งไปกลิ่งมาจนถึงตีหนึ่ง ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุด แล้วก็โหลดอาหาร จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ พอตี 2 พี่ ๆ ที่พักกับฉัน (พี่นก กับพี่อ้อ) ก็ตื่นมาเตรียมตัวไปวิ่ง ^O^

ฉันใส่เสื้อแขนยาวสีเขียวตัวเก่ง แล้วก็สวมเสื้อสามารถที่ได้รับมาจากแอดมิน ติดbib เรียบร้อย สวมกางเกงตัวเก่ง คาดเข็มขัดใส่มือถือและเงิน ใส่ถุงเท้าสีดำ สวมรองเท้า ST 5 พร้อมทั้งเตรียมเป้ที่ใส่ชุดไปเปลี่ยนหลังวิ่งเสร็จ เพราะอากาศที่จอมบึงในเช้านั้นหนาวมาก วิ่งเสร็จฉันคงจะหนาวมาก จึงเตรียมไปด้วย

เมื่อพร้อมออกรบแล้ว พี่ ๆ ก็พร้อมแล้ว พวกเราจึงออกเดินทางไปที่จุดปล่อยตัวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก พวกเราโชคดีมากที่อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ได้จองที่พักในม.ราชภัฏ จอมบึงให้ ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 500 ม. ก็ถึงจุดปล่อยตัว

ตี 3 เป็นเวลาที่ครูดินนัดหมายให้ผู้อยู่รอดทั้ง 70 ชีวิตไปวอร์มด้วยกัน ก่อนที่จะออก start ในเวลาตี 4 พอเจอครูแล้ว ฉันก็เอาเป้ที่ใส่ชุดมาเปลี่ยนไปฝากที่จุดรับฝากของ เสร็จแล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ ออกมาแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปวอร์ม

ฉันก็วอร์มโดยการวิ่งเยาะ ๆ 1 กม. เสร็จแล้วก็มากระโดด ๆ เต้น ๆ กระตุ้นหัวใจ เสร็จแล้วก็ไปสไตร์ด 50 เมตร 5 รอบ ดริว 5 ท่า ท่าละ 2 รอบ แล้วต่อด้วยสไตร์ดอีก 3 รอบ แล้วไปเช็คอิน ยืดเหยียดไม่ทันแล้ว อีก 10 นาทีจะปล่อยตัว ฉันต้องรีบไปเช็คอิน งานนี้ฉันยืดเหยียดน้อยมาก นี่คือความประมาทของฉันเอง แต่ไม่มีเวลาคิดมาก รีบไปเช็คอินและไปจุดปล่อยตัว ซึ่งคนเยอะสุด ๆ เลย ปีนี้คนวิ่งมาราธอนเกือบ 2000 คน

ฉันแทรกตัวเดินไปเรื่อย ๆ จนได้อยู่กลาง ๆ แล้วสายตาฉันก็มองไปเห็นครูดินกับพี่ออมยืนอยู่ตรงรั้วเหล็ก ฉันจึงแทรกตัวไปหาแล้วกอดครูดินกับพี่ออม ครูบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ทำให้ได้แบบที่ซ้อมก็พอแล้ว เจี๊ยบ สู้ สู้ แล้วครูก็ยิ้มให้ฉัน ฉันบอกพี่ออมว่าหาพี่นกไม่เจอเลย แต่เดี๋ยวคงไปเจอกันในสนาม แล้วพี่ออมก็ยิ้มให้ฉัน บอกว่าเจี๊ยบทำได้อยู่แล้ว ฉันยิ้มให้พี่ออม แล้วสัญญาณปล่อยตัวก็ดังขึ้น เสียงนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 แล้วฉันก็พุ่งออกไป ^O^

วิ่งออกไปสักพักฉันก็เจอหมอรัตน์ เราทักกับแป๊บนึง แล้วฉันก็วิ่งออกไป เจอลูกโป้งเพซ 5.00  ชม. ฉันก็ค่อย ๆ วิ่งไปเรื่อยจนแซงลูกโป้งขึ้นมาได้ แล้วฉันก็เจอพี่กรีนเราทักกันแป๊บหนึ่งแล้วพี่กรีนก็วิ่งทะยานออกไป ฉันก็วิ่งของฉันพยายามคุมจังหวะ คุมลมหายใจ จับความรู้สึกตัวเองตลอด ผู้คนก็ค่อย ๆ แซงฉันไป คนที่รู้จักฉันก็ส่งเสียงบอกเจี๊ยบสู้ ๆ คนที่ฉันไม่รู้จัก แต่เขาก็บอกว่าเจี๊ยบสู้ ๆ ฉันคิดในใจเขารู้จักฉันได้ไง แล้วฉันก็นึกได้ว่า Bib วัดใจที่แอดมินกับครูดินทำให้นั้นเอง แอดมินให้เลือก 3 คำ ที่จะให้ตัวเองวิ่งรอดมาราธอนครั้งนี้ได้  Bibของฉันจึงออกมาเป็น "เจี๊ยบ สู้ สู้" เพราะทุกครั้งเวลาฉันวิ่งแล้วเหนื่อยสุด ๆ ฉันก็บอกตัวเองแบบนี้ ^O^

ประมาณกม.ที่ 7 พี่เคก็ตามฉันทันแล้วก็ถามฉันว่า "เจ็บหรอ ? วิ่งเหมือนเจ็บ ๆ เลย "ฉันบอกพี่เคว่า "ไม่เจ็บค่ะ" แต่จริง ๆ ก็เริ่มมีอาการเจ็บที่ข้อเท้าขวา แล้วก็ปวด ๆ ตึง ๆ เข่าซ้าย แต่ฉันอาจมโนว่าเจ็บไปเองก็ได้มั้ง คงไม่ได้เจ็บจริง ๆ หรอก ฉันเลยบอกพี่เคว่าไม่เจ็บ แล้วพี่เคก็วิ่งจากฉันไป

บรรยากาศในสนามวิ่งน่ารักมาก มีกองเชียร์จากเด็ก ๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่ และยังมีพระมาพรมน้ำมนต์ให้ด้วย มีเด็กมายืนแตะมือนักวิ่ง คอยให้กำลังใจช่วยให้ลืมความเหนื่อยไปได้แป๊บนึง วิ่ง ๆ ไปสักพักประมาณกม.ที่ 10 พี่กุ๊กก็ตามมาทัน พี่กุ๊กมาช่วยชีวิตฉันในตอนนั้นเลย เพราะฉันเร่งแทบไม่ขึ้น ความเร็วค่อย ๆ ตก อาการเจ็บข้อเท้าก็ยังอยู่แต่ไม่หนักมาก พี่กุ๊กถามว่า "เอายาไหมพี่มี?" ฉันบอกว่า "ไม่เป็นไรเจี๊ยบยังไหว แต่เจี๊ยบขอเกาะพี่กุ๊กไปด้วยนะ" แล้วเราก็วิ่งเกาะกันไปเงียบ ๆ

ฉันแวะกินน้ำบ้างบางจุด แต่พี่กุ๊กแทบไม่กินเลย พอกินเสร็จฉันก็รีบตามพี่กุ๊ก แล้วเราก็ผลักกันเร่ง ผลักกันเกาะ ฉันสนุกมาก เล่นกันพี่กุ๊กไปเรื่อย ๆ เฮียลิฟก็ตามพวกเรามาทัน ทักกันสักพักพวกเฮียลิฟก็นำไป ฉันกับพี่กุ๊กยังวิ่งเล่นกันอย่างเงียบ ๆ แต่ตอนนั้นข้อเท้ากับเข่าฉันไม่เจ็บแล้ว มหัศจรรย์มากจริง ๆ คงเป็นเพราะฉันสนุกมาก การวิ่งกับพี่กุ๊กทำให้ฉันไม่เหงาเลย ^O^

พี่กุ๊กพาฉันค่อย ๆ เก็บคนที่แซงฉันไปที่ละคน 2 คน จนกระทั้งตามพวกเฮียลิฟทัน เฮียลิฟยังส่องไฟนำทางให้ฉันด้วย ไม่งันฉันกับพี่กุ๊กอาจสะดุดหกล้มได้ เพราะมีจุดมืดที่ถนนแตก แต่พวกเราก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัย

เราวิ่งเกาะ ๆ กันไป จนเห็นนักวิ่งคนแรกที่กลับตัวมาเป็นคนไทย พวกเราตบมือให้กำลังใจกันใหญ่ แล้วตามมาด้วยนักวิ่งต่างชาติ วิ่งไปเรื่อย ๆ ถึงก็กม.ที่ 20 ฉันกับพี่กุ๊กดีใจมาก ในใจคิดว่าจุดกลับตัวคงอยู่อีกไม่ไกล  พอประมาณ กม. 22 ฉันกับพี่กุ๊กก็ยังไม่ได้กลับตัว แถมมีเนินใหญ่อยู่ข้างหน้าอีก จุดกลับตัวอยู่ไหนนะ ฉันเริ่มบ่น แต่วิวตรงนี้สวยมาก เป็นไร่อะไรไม่รู้ แล้วก็มีภูเขาล้อมรอบ สวยจัง อากาศก็ดีเย็นสบาย แต่ฉันเหนื่อย ฉันอยากกลับตัวแล้ว บ่น ๆๆๆ วิ่งมาสักพักก็เจออ๊อค พี่นกกับหมอเบียร์ ^O^

เราวิ่งกันมาจนถึงกม.ที่ 24 ก็เห็นป้ายจุดกลับตัว ทุกคนดีใจกันใหญ่เลย ผ่านจุดเช็คพ๊อย วิ่งด้วยกันมาสักพักกลุ่มเริ่มแตก ตอนนี้ฉันวิ่งกับพี่กุ๊ก อ๊อค แต่พอเข้ากม.ที่ 28 แรงฉันมาจากไหนไม่รู้ ฉันคอย ๆ วิ่งนำไปเรื่อย ๆ ความเร็วมันมาเอง จากเพซ 6.30 ก็มาอยู่ที่ 6.00 แล้วก็ค่อย ๆ ไต่มาเพซ 5 ฉันคิดว่าฉันน่าจะคุมตัวเองไหว พอวิ่งเข้ากม.ที่ 32 แรงค่อย ๆ ตก ฉันวิ่งมาจนถึงกม.ที่ 35 ฉันรู้เลยว่าขาฉัน มันเริ่มหนัก และคิดว่าตะคิวกำลังจะมาแน่ ๆ แต่ฉันก็ฝืนจ๊อกไปเรื่อย ๆ ประคองไป จนเจอกับพี่ป๊อบกับพี่ชุโดยบังเอิญ แต่ฉันเหนื่อยมากจริง ๆ พี่ ๆ ทักฉัน ตอนนั้นฉันรู้สึกขอบคุณและดีใจที่เจอกัน พี่ ๆ ยังให้กำลังใจฉัน ฉันบอกพี่ ๆ ว่าฉันหยุดวิ่งไม่ได้ ไม่งั้นขาฉันก้าวไม่ออกแน่ ๆ แล้วฉันก็จากไป (ต้องขอโทษพี่ชุกับพี่ป๊อบด้วยคราวนี้ไม่ได้เซลฟี่ด้วยเลย ดีใจที่เจอพี่ ๆ ที่สนามนะคะ ^O^)

พอถึงกม.ที่ 39 พี่กุ๊กก็ตามมาทันและวิ่งแซงไป แต่ฉันไม่มีแรงตามพี่กุ๊กแล้ว ขามันหนักไปหมด ได้แต่จ๊อกประคอง ๆ ไปเรื่อย ๆ ดีที่ฉันซ้อมจ๊อกไหล ๆ มาดี จึงยังประคองตัวเองได้ กม.ที่ 40 โปร์รุจน์มาดักถ่ายรูปนักวิ่ง โชคดีน้องฮอนด้าแห่งเคซี่ รันนิ่งบอกฉันให้จัดท่าวิ่งดี ๆ กล้องอยู่ข้างหน้ายิ้ม ๆไว้ รูปที่ได้จึงดูดีมาก อิอิ ^O^(ขอบคุณน้องฮอนด้ามาก ๆ นะคะ)

ถัดจากกล้องโปร์รุจน์ก็เจอกล้องพี่ตุ้ม กล้องน้องแก๊ป กล้องพี่ปุ้ย กล้องrefill ฯลฯ ฉันดีใจมากแสดงว่าอีกนิดเดียวก็จะถึงเส้นชัยแล้ว จึงทำท่าดีใจได้รูปสวยสมใจเลย วิ่งยิ้มมาเรื่อย ๆ เจอแอดนก แอดบิว บอกว่า "อีกนิดเดียว เลี้ยวโค้งก็จะถึงแล้ว" แรงฉันกลับมาทันที วิ่งยิ้มมาเรื่อย ๆ เจอเพ้น เพ้นถามถึงพี่นก ฉันบอกเพ้นว่า "อยู่ข้างหลังกำลังตามมาค่ะ" เพ้นบอกว่า"อีก 400 เมตรเอง เจี๊ยบอีกนิดเดียว สู้ ๆ" วิ่งไปคุยไปฉันไม่ได้หยุดวิ่งเลย วิ่งยิ้มมาเรื่อย ๆ เห็นเส้นชัย เห็นครู เห็น พี่ ๆ เพื่อน ๆ สถาวรฯ ฉันยิ้มไม่หุบเลย แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีคุณน้าผู้ชายวิ่งตามฉันมาจะทันแล้ว ในขณะที่เส้นชัยอยู่ข้างหน้า ไม่ถึง 30 เมตร ฉันเลยรีบวิ่งหนีเข้าเส้นชัยเลย รีบวิ่งไปหาครูดิน รับผ้าเช็คหน้าจากครู รับดอกไม้จากแอดแพค แล้ววิ่งไปกอดพี่ ๆ เพื่อน ๆ แล้วก็วิ่งไปรับเหรียญ กับเสื้อฟิชนิชเชอร์ ฉันดีใจสุด ๆ เลย ฉันทำได้แล้ว^O^

ฉันวิ่งจบมาราธอนแรกของฉันด้วยเวลา 4.43  ชม. ได้อันดับที่ 18 ในรุ่นอายุ30-35ปี ได้อันดับที่ 688 จากนักวิ่งทั้งหมดที่มาวิ่งมาราธอนวันนั้น ได้สัมผัสถึงตะคิว แต่ก็ฝืนตัวเองวิ่งต่อ ได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ทุกคนต่างก็เต็มที่เพื่อไปให้ถึงเส้นชัย ได้สัมผัสถึงน้ำใจจากเพื่อน ๆ นักวิ่ง ถึงแม้ไม่รู้จักกัน แต่ก็ส่งน้ำให้ฉัน ให้กำลังใจฉัน ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่อบอุ่นจากชาวบ้านที่เต็มใจและยินดีให้พวกเราไปวิ่ง ไม่มีเสียงบีบแตร์ไล่เลย ดีใจที่สุดถึงที่สุดที่ได้มาวิ่งมาราธอนจริง ๆ สักที ^O^

แล้วสุดท้ายครูดินกับแอดมินทั้ง 3 ยังเซอร์ไพส์พวกเราทั้ง 70 คน ด้วยการมอบถ้วยรางวัลผู้พิชิตให้ด้วย ฉันวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 31 ดีใจมากจริง ๆ ขอบคุณครูดิน ขอบคุณแอดมินทั้ง 3 คน ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้กำลังใจฉัน และสุดท้ายขอบคุณตัวฉันเอง ที่ทำให้ฝันฉันเป็นจริง ขอบคุณทุก ๆ คนจากใจค่ะ ^O^

ในวันนั้นฉันมีความสุขมาก ๆ จริง ๆ นะ และก็ประทับใจมาก ๆ ฉันได้ข้อคิดดี ๆ ว่า "ถ้าเราเต็มที่ เราไม่หยุดวิ่ง เราไม่ท้อ เราไม่ยอมแพ้ไปสักก่อน ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เราก็จะไปถึงเส้นชัยในที่สุด แม้ว่าระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ตาม ^O^"

ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เก่งหรอก ฉันยังต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอีกเยอะ

สู้ต่อไปนะเจี๊ยบ สักวันเจี๊ยบก็จะไปถึงเส้นชัยในที่สุด ยิ้มๆๆๆ ^O^

Norarat Jeab
23-01-58

เพิ่มเติมเพซ ตลอด 42 กม.ของเจี๊ยบ ^O^
6.40/6:33/6:44/6:51/6:42/6:39/6:49/6:44/
6:51/7:24/6:53/6:42/6:40/6:42/6:45/6:52/
6:41/6:41/6:40/6:44/6:30/6:29/6:25/6:48/
6:26/6:07/6:27/6:37/6:26/6:11/6:03/5:45/
5:40/5:58/6:30/6:37/6:59/7:33/7:08/7:46/
8:08/7:24/6:38

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 2 (119 วัน ก่อน วันแข่งจริง) (18-01-58)

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 2 (119 วัน ก่อน วันแข่งจริง) (18-01-58)



เมื่อฉันได้เข้าไปเป็น 1 ในสมาชิกกลุ่มวิ่งวัดใจฯ มันก็มีทั้งดีใจ และก็กลัวด้วย กลัวถูกคัดออกจากกลุ่ม กลัวไม่ได้ไปต่อ แต่ฉันคิดว่า "เอาน่า เราได้เข้ามาแล้ว เราอยากไปวิ่งมาราธอนนิหน่า ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ แล้วเราจะไปวิ่งมาราธอนไหวได้ไง เจี๊ยบสู้หรือเปล่า? แค่นี้ไม่ตายหรอก ลองดูนะเจี๊ยบ ^O^"

ถ้าเปรียบกลุ่มวิ่งวัดใจ ฯ เป็นรายการเรียวลิตี้ ก็คงจะเปรียบเทียบได้กับบ้าน AF มีการถูกคัดออก มีกติกาที่ทุกคนต้องทำ และการมาอยู่ในกลุ่มนี้ ไม่มีใครบังคับ ทุกคนสมัครใจเข้ามาเอง และก็ไม่มีใครบังคับว่าเราจะต้องวิ่งตามโจทย์ที่กำหนดในแต่ละวัน จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าไม่ทำ ไม่ส่งการบ้าน และไม่บอกสาเหตุที่ทำไมวันนั้นถึงไม่ทำการบ้าน และไม่ยอมวิ่งยาว แอดมินก็จะเข้ามาทักทาย มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจะออกจากกลุ่มก็ได้นะ ถ้าไม่ตั้งใจเชิญออกจากกลุ่มได้ไม่ว่ากัน ^O^

ฉันขอเรียกกลุ่มวิ่งวัดใจฯ ว่า บ้าน SF (Sathavorn Fantasia) โดยมีแอดมินที่น่ารักทั้ง 3 คน (แอดนก แอดบิว แอดแพค) คอยดูแล คอยสอบถาม คอยเตือน และคอยตอบข้อสงสัยหรือปัญหาที่เกิดขึ้นขณะฝึก ถ้าเจ็บหรือมีปัญหาอะไรต้องบอกแอดมินคนใด คนหนึ่งก็ได้ มันสำคัญมากนะ ถ้าเจ็บแอดมินจะได้แนะนำว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไง จะมีตารางฟื้นฟูให้ ดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาลงตารางฝึกต่อได้ ^O^

แอดมินทั้ง 3 ดูแลพวกเราอย่างดีมาก โดยที่ไม่ได้อะไรเลย ทั้ง 3 คน ดูแลพวกเราด้วยใจจริง ๆ นะ ฉันสามารถสัมผัสได้ (ไม่ต้องมีญานทิพย์ แค่ใช้ใจฉันสัมผัส ฉันก็สัมผัสได้แล้วจริง ๆ นะ ^O^)

โดยพื้นฐานแล้วฉันเป็นคนสบาย ๆ ไม่ค่อยชอบให้ใครบังคับ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ซึ่งในการจะไปวิ่งมาราธอนนั้น ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าฉันจะต้องเจออะไรบ้าง ฉันรู้แค่ว่าฉันอยากไปวิ่งมาราธอน และเข้าเส้นชัยแบบเท่ ๆ ไม่หมดสภาพ วิ่งได้ตลอดเส้นทาง มันก็แค่นั้นเอง แต่ถ้าฉันตามใจตัวเองไม่ยอมฝึกวิ่งยาว ไม่ยอมฝึกวิ่งช้าสลับเร็ว ไม่ยอมทำการบ้าน ฉันจะจบมาราธอนของฉันแบบเท่ ๆ ได้อย่างไร จริงเปล่า ? เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงไม่เคยคิดว่าจะเดินออกจากบ้าน SF เองแน่นอน ยังไงฉันก็จะทำให้เต็มที่ ^O^

ตลอด 119 วัน ตารางวิ่งจากครูดินจะค่อย ๆ ถูกคลอดออกมา พอวิ่งจบชุดหนึ่ง ก็จะมีชุดต่อไปที่พัฒนาความโหดขึ้นเรื่อย ๆ และก็มีบางคนทนฝึกต่อไปไม่ไหว บางคนก็สมัครใจออกจากบ้าน SF ไปเอง บางคนก็เจ็บหนักเพราะอะไรฉันก็ไม่รู้ แต่เมื่อแอดมินทั้ง 3 พิจารณาแล้วว่าควรออกจากบ้านไปรักษาตัวก่อน ก็จะให้ออกจากบ้านไปก่อน จำนวนสมาชิกจาก 150 คน จึงค่อย ๆ หดหายไป จนเหลือผู้อยู่รอดกลุ่มสุดท้าย ทั้งหมด 70 คน เท่านั้น ซึ่งฉันเชื่อว่าผู้อยู่รอดทุกคนไม่ธรรมดาแน่ ๆ และในเวลาที่ฉันเหนื่อย ฉันท้อ ฉันนอย ฉันก็จะคิดถึงทุกคนยังทำได้เลย เราแค่ขายของ ช่วยงานที่บ้านเอง พี่ ๆ บางคนต้องทำงานประจำ บางคนก็มีครอบครัวต้องดูแล บางคนก็ต้องทำงานไม่เป็นเวลา แต่ทุกคนยังทำได้เลย แล้วก็ทำได้ดีด้วย ฉันก็ต้องทำได้สิ วันวิ่งยาวก็ตื่นให้เช้าขึ้น ถ้าไปวิ่งก็ต้องพยายามทำให้จบ และต้องไม่เหนื่อยฟรีด้วย ฉันบอกตัวเองแบบนี้ ^O^

ทุกวันที่ฉันไปวิ่งที่สนานซ้อมแถวบ้าน ลุง ๆ ป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ไปวิ่ง ไปออกกำลังกายที่นั่น ก็จะมองว่าฉันวิ่งเก่งจัง ฉันก็ได้แต่ยิ้ม ๆ และก็ขอบคุณ บางคนก็ถามว่าซ้อมวันละกี่ชม. ทำไมวิ่งเยอะจัง 3 ชม. แล้ว ยังไม่เสร็จอีกหรอ ? วิ่งเยอะระวังเจ็บนะ  ฉันกลับเป็นคนเกือบสุดท้ายแทบทุกครั้ง จริง ๆ ฉันก็อยากกลับเร็ว แต่ฉันยังวิ่งไม่จบเลย ยังทำการบ้านไม่เสร็จเลย ฉันก็จะวิ่งแบบไม่มีสมาธิแล้ว เพราะต้องรีบกลับไปเปิดร้าน บางวันฉันก็ยอม DNF ใจฉันมันไม่อยากวิ่งจริง ๆ นะ บางวันฉันก็วิ่งเสร็จเป็นคนสุดท้าย

วันที่ซ้อมวิ่ง 32 กม.รอบที่ 2 ฉันซ้อมวิ่งตอนเย็นที่ สนามรพ.ทหารเรือ ระยะ 1 รอบ เท่ากับ 400 เมตร ฉันวิ่งตั้งแต่ 4.30 โมง จนถึงเกือบ 3 ทุ่ม วิ่งตั้งแต่คนวิ่งเยอะ ๆ จนเหลือแค่ 2 คนในสนาม คือฉันกับคุณลุงอีกคน มืดก็มืด แต่ฉันก็วิ่ง ไม่บ่นอะไรในใจเลย คิดแค่ว่ายังไงก็ต้องวิ่งให้จบให้ได้ วิ่งจนคุณลุงถามว่าจะไปลงแข่งงานไหน แล้ววันนี้กะวิ่งกี่รอบ ฉันบอกคุณลุงว่าวันนี้ ฉันวิ่ง 80 รอบ ฉันจะไปวิ่งมาราธอนที่จอมบึง ลุงก็ชมว่าเก่ง ดีแล้ว วิ่งได้แบบนี้รอดอยู่แล้วน้อยคนที่จะซ้อมแบบฉัน ลุงเล่าให้ฟังว่าลุงแกก็เคยวิ่งที่นี่ 100 รอบก่อนไปวิ่งมาราธอน ไม่เคยมีใครวิ่งที่นี่ 100 รอบได้เลย ถ้าวิ่งได้ร้อยรอบ วิ่งมาราธอนรอดชัวร์ แล้วแกก็อวยพรให้ฉันโชคดี ฉันก็ยิ้มให้แก แล้วก็กลับบ้าน ^O^

แรก ๆ ที่เข้าตารางวิ่ง เวลาวิ่งฉันจะบ่นในใจตลอด แต่ช่วงหลัง ๆ ฉันไม่ค่อยบ่นแล้ว มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องลุกจากเตียงไปวิ่ง และแล้ววันซ้อม 32 กม ครั้งสุดท้ายก็มาถึง  ฉันประทับใจมาก เพราะวิ่งรอบนี้ อ.ณรงค์ เทียมเมฆ จัดพรีมาราธอนขึ้นให้พวกเราได้ทดสอบวิ่งที่จอมบึง บริเวณถ้ำจอมพล 1 รอบ เท่ากับ 800 เมตร วิ่งทั้งหมด 40 รอบ มีจุดปล่อยตัว มีคนเช็ครอบ มี bib มีอาหารให้ด้วย แล้วทั้งหมดจัดขึ้นเพื่อให้สมาชิกบ้าน SF ได้ไปวิ่งทดสอบ 32 กม. รอบสุดท้ายด้วยกัน หลังจากที่ต่างคนต่างไปฝึกมา งานนี้ฉันสนุกมาก แถมครูดินยังคอยดูและคอยปรับท่าให้ด้วย ยืนเชียร์ลูกศิษดิ์ทุกคนที่ไปทดสอบวันนั้น ฉันประทับใจมาก ๆ (ขอบคุณ พี่ยุ้ยกับพี่มาร์คที่ให้เจี๊ยบติดรถไปด้วย ขอบคุณน้องพีทกับน้องวอร์ด้วย ที่ให้พี่ติดรถกลับกทม. ขอบคุณจากใจค่ะ ^O^)

วันก่อนแข่งจริงครูดินยังนัดให้พวกเราผู้อยู่รอดที่เหลือทั้งหมดมาเจอกัน และบอกว่าเราต้องเตรียมตัวยังไง ควรวิ่งแบบไหน พร้อมทั้งแจก bib วิ่งวัดใจ กับ เสื้อสามารถรุ่น 1 ให้ ฉันมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย หลังจากผ่านการฝึกซ้อมมาทั้งหมด 119 วัน ใจฉันนิ่งมากขึ้น ไม่กลัว ไม่ตื่นเต้นเลย ใจพร้อมที่จะไปวิ่งมาราธอนแรกแล้ว งานนี้ฉันกะว่าจะวิ่งจบภายใน 4.30-5 ชม. ฉันไม่คิดอะไรมาก ขอแค่วิ่งให้จบ และไม่เจ็บ ส่วนเวลาฉันน่าจะวิ่งเข้าเส้นชัยได้ไม่เกิน 5 ชม. ทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลือแค่ทำให้มาราธอนแรกของฉันเป็นจริงก็เท่านั่นเอง แล้วไว้จะเล่าให้อ่านเล่นๆ นะคะ วันวิ่งมาราธอนจริง ฉันประทับใจมาก ๆ เลยหล่ะ ^O^

Norarat Jeab
22-01-58




วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 1 (18-01-58)

จากความฝันสู่ความจริง จอมบึงมาราธอน มาราธอนแรกของฉัน ^O^ ตอนที่ 1 (18-01-58)


"ฉันฝันมาเสมอว่า สักวันฉันจะต้องไปวิ่งมาราธอนให้ได้ แต่ก่อนที่จะไปวิ่งมาราธอน กายและใจฉันต้องพร้อมก่อน ฉันบอกตัวเองแบบนี้เสมอ"

ความคิดที่จะไปวิ่งมาราธอนเริ่มขึ้นหลังจากที่ฉันไปวิ่งฮาล์ฟ มาราธอนที่พัทยา ฉันถามครูดินว่า "ครูดินคะเมื่อไหร่เจี๊ยบถึงจะไปวิ่งมาราธอนได้คะ ?"

ครูดิน "ไว้วิ่งฮาล์ฟ ให้ได้ 1.50 ชม. ค่อยมาคุยกัน หรือไม่ก็แต่งงานก่อน แล้วค่อยไป"

จบกันเลยทีเดียว ฉันคงไม่ได้ไปวิ่งมาราธอนแน่ ๆ โจทย์ที่ครูตั้งให้มันยากมากนะสำหรับฉัน มันโคตรยากเลย จะเป็นไปได้ไง ฮาล์ฟที่พัทยา ฉันวิ่งจบที่ 2.16 ชม. ต้องกดเวลาให้ต่ำลงอีก 36 นาที ตายแน่ ๆ เจี๊ยบตายแน่ หรือจะให้ฉันแต่งงานก่อนแฟนก็ไม่มี จะไปแต่งกับใครเนีย อันนี้โหดกว่าวิ่งฮาล์ฟให้ได้ 1.50 ชม. อีก ฉันจะทำได้อย่างไร ไม่มีทางเลย ให้ตายเถอะ ตอนนั้นฉันคิดแบบนี้หล่ะ

จนกระทั้งวันดีคืนดี อยู่ ๆ ครูดินก็ตั้งกลุ่มวิ่งวัดใจ จอมบึงมาราธอนกับครูดิน ฉันก็ลังเลจะเข้าร่วมดีไหม ? ตอนนั้นฉันยังทำตามโจทย์ที่ครูดินให้ไว้ไม่ได้เลย แต่เอาวะโอกาสมาถึงแล้ว ลองดูก็ได้ รอดไม่รอดเดี๋ยวรู้กัน คิดได้ดังนั้น ฉันก็ส่งคำร้องขอเข้าร่วมกลุ่มไป แล้วแอดมินก็กดรับฉันเข้าเป็น 1 ในสมาชิก ซึ่งมีอยู่ ทั้งหมด 150 คน

 และนี่คือจุดเริ่มต้นของการที่ฉันจะต้องต่อสู้กับใจตัวเองสุด ๆ เป็นเวลา 120 วัน เพื่อพิชิตมาราธอนแรกในชีวิตฉัน มันไม่ง่ายเลย ไว้ฉันจะเล่าให้ฟัง ^O^

Norarat Jeab
21-1-58